ในสังคมสมัยนี้ได้มีการยอมรับการสักมากขึ้น ทำให้มีคนหันมาสักบนร่างกายเป็นจำนวนมาก หลายคนนั้นอยากสักตามกระแส เพราะรู้สึกว่าสวย เท่ แต่ไม่ได้ความปลอยภัยหลายคนจึงไม่ได้คำนึงถึงการหาข้อมูลก่อนสัก เพราะอาจจะทำให้ติดเชื้อจากเครื่องมือที่ใช้ในการสัก หรือเกิดอันตรายต่างๆต่อร่างกายได้ จึงต้องรู้ว่า ก่อนสักห้ามกินอะไร เพื่อความปลอดภัยของร่างกาย ซึ่งสิ่งที่ควรทราบนั้นมมี10ข้อ ดังนี้
10 ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจสักลาย ก่อนสักห้ามกินอะไร มีข้อห้ามอะไรบ้าง
1.การเตรียมตัวก่อนสัก
การสักเป็นอีกหนึ่งวิธีสร้างงานศิลปะบนผิวหนังที่ช่างสักจะนำเม็ดสีประเภทต่าง ๆ ฝังเข้าไปลึกถึงผิวหนัง และมีขนาดใหญ่มากพอที่ร่างกายจะไม่สามารถกำจัดออกไปได้ ซึ่งการนำเม็ดสีเข้มลงสู่ชั้นผิวหนังนี้ ช่างผู้เชี่ยวชาญจะใช้เข็มสักที่แตกต่างกันไป
2.เลือกลายไม่พอ เลือกขนาดและตำแหน่งให้เหมาะสมด้วย
สิ่งแรกที่ความสำคัญพอๆ กับลายสักที่เลือก คือ การเลือกตำแหน่งและขนาดในการสัก ซึ่งนอกจากความเหมาะสมและความต้องการแล้ว การเลือกสักในตำแหน่งและขนาดที่แตกต่างกันยังส่งผลต่อระดับความเจ็บที่แตกต่างกันด้วย บริเวณที่มีผิวหนังน้อยและใกล้กระดูกมากเท่าไหร่ ความเจ็บก็จะยิ่งมีมากเท่านั้น ซึ่งอาจเรียงลำดับความเจ็บจากน้อยไปมากได้ ดังนี้
- ความเจ็บระดับ 1 น้อยสุด: แขน คอ บ่า
- ความเจ็บระดับ 2 เริ่มต้นความเจ็บ: หลังหู ไหล่ สะโพก
- ความเจ็บระดับ 3 เกือบสูงสุด : หน้าอก กลางหลัง ข้อมือ เอว ข้างลำตัว ก้น
- ความเจ็บระดับ 4 สูงสุด : บริเวณใบหู ข้อเท้า นิ้วมือ หน้าท้อง น่อง ใบหน้า
3 . เลือกร้านสักที่มีความน่าเชื่อถือ
สักร้านไหนดี นอกจากจะเลือกจากงบประมาณ ลาย และฝีมือของช่างสักแล้ว การเลือกร้านสักยังต้องพิจารณาถึงความสะอาดของร้าน รีวิว ตลอดจนคุณภาพของเครื่องสักและหมึกสีที่ใช้อีกด้วย
4.ปรึกษาช่างสัก
เมื่อมีลายสักที่ชื่นชอบแล้ว ลองมองหาช่างสักที่ถูกใจสักคนเพื่อสักลายให้กับคุณ โดยคุณสามารถหาข้อมูลจากการลองหาอ่านรีวิวในอินเทอร์เน็ตและย้อนดูผลงานที่ผ่านมาทั้งที่แสดงในเว็บไซต์และที่ร้าน ซึ่งหากช่างสักมีชื่อเสียงที่ดีและมีรูปแบบการสักลายที่ถูกใจคุณ และคุณคิดว่ารูปแบบการสักลายของเขาจะสามารถสื่อความหมายของลายสักที่คุณออกแบบได้ตามที่ต้องการ จึงทำการนัดหมาย
5.เตรียมพร้อมรับมือกับความเจ็บ.
สิ่งสำคัญก่อนการสักลายคือการทำความเข้าใจว่าความเจ็บจากการสักลายนั้นเป็นประมาณใดเพื่อช่วยให้คุณได้เตรียมตัวเตรียมใจสำหรับการสักลายของคุณ โดยหลายคนมักเปรียบเทียบความเจ็บจากการสักลายเป็นเหมือนกับการถูกเล็บข่วนบนผิวที่ไหม้แดด โดยส่วนใหญ่แล้วอาการเจ็บในระหว่างการสักลายจะมีลักษณะตื้อๆ แต่ในบางครั้งคุณอาจรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างฉับพลันเมื่อเข็มสักโดนเส้นประสาท โดนบริเวณที่ใกล้กับกระดูก หรือลงซ้ำๆ ในบริเวณเดิม
6.สิ่งที่เตรียมตัวให้พร้อม!
เมื่อเลือกรอยสักความหมายดีๆ ได้ตรงกับความต้องการ พร้อมติดต่อร้านสักที่สะอาด น่าเชื่อถือ และมั่นใจในฝีมือได้แล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาเตรียมร่างกายให้พร้อม ควรปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้
- เช็กและปรึกษาอาการแพ้ต่างๆ กับทางร้านสักและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเตรียมผิวให้พร้อม โดยการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นโดยใช้มอยส์เจอร์ไรซ์เซอร์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนสัก พร้อมหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ผิวบางหรือระคายเคือง เช่น การอาบแดด และการกำจัดขน
- พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง
- ควรทำความสะอาดร่างกายก่อน สำหรับคนที่มีกลิ่นตัวแรง หรือเหงื่อออกเยอะ ควรอาบน้ำ หรือทำความสะอาดร่างกายก่อนจะไปสัก เพราะกลิ่นเหล่านี้ก็อาจจะทำให้เสียสมาธิได้ และไม่ควรฉีดน้ำหอมที่มีกลิ่นแรงจนฉุน เพราะทุกคนไม่ได้ชอบน้ำหอมกลิ่นเดียวกัน ช่างอาจจะเหม็นเช่นกัน ควรฉีดมาแต่พอดี
- ใส่เสื้อผ้าหลวมๆ ไปสักเพื่อป้องกันเสื้อผ้าเสียดสีกับรอยสักใหม่
- ควรรับประทานอาหารให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้ท้องว่าง และดื่มน้ำเยอะๆ หากไม่ทานอาหารหรือดื่มน้ำมาเยอะๆ อาจทำให้เป็นลมได้
7.ก่อนสักห้ามกินอะไร
- งดดื่มแอลกอฮอล์
- งดทานยาและวิตามินประเภทเจือจางเลือด หรือทำให้เลือดไหลเวียนดี เช่น แอสไพริน วิตามินซี น้ำมันปลา และยาต้านการเกิดลิ่มเลือด
- งดการสูบบุหรี่
- ห้ามใช้ ยาเสพติด ใด ๆ ก่อนที่จะมี การสักเช่น กัญชา
- ควรจำกัด ปริมาณของกาแฟก่อนที่จะมีรอยสัก กาแฟจริงที่ทำให้คุณเป็นประสาทและลดความสามารถในการจัดการกับความเจ็บปวดเพื่อให้หลีกเลี่ยงกาแฟหรืออย่างน้อยลดการบริโภคของคุณก่อนที่จะมีรอยสักที่เป็นความคิดที่ดี.
8.การเตรียมตัวแลรอยสักหลังสักเสร็จ
เมื่อสักเสร็จใหม่ๆ รอยสักจะเป็นเสมือนแผลประเภท ช่างสักมักจะทำการทาปิโตรเลียมเจลลงที่บริเวณรอยสัก หลังจากนั้นจึงทำการปิดแผลเพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ผิวหนังและเพื่อไม่ให้เสื้อผ้าเสียดสีกับแผลสักมากเกินไป และเมื่อทำการสักและปิดแผลนาน 24 ชั่วโมงแล้ว แนะนำให้ทุกคนล้างแผลด้วยสบู่ต้านเชื้อแบคทีเรีย พร้อมล้างออกด้วยน้ำสะอาด ซับให้แห้ง และทาปิโตรเลียมเจลบางๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่แผลจนกว่าแผลรอยสักจะหายดี พร้อมงดกิจกรรมที่อาจทำให้ผิวแห้งและเสี่ยงต่อการติดเชื้ออย่างการว่ายน้ำ การอาบแดด การอาบน้ำร้อน และการใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น เป็นต้น
9.อาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังสัก
แรกๆ รอยสักอาจมีแผลตกสะเก็ด รอยแดง หรืออาจมีหมึกสีไหลออกมาในขณะล้างแผลได้ ซึ่งถือเป็นอาการปกติที่อาจเกิดขึ้น และสามารถบำรุงผิวและรอยสักโดยการใช้มอยส์เจอร์ไรซ์เซอร์ที่ไม่มีน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์ และห้ามแกะแผลใดๆ เด็ดขาด เพราะอาจทำให้รอยสักลอกและเป็นแผลเป็นบริเวณรอยสักได้ เมื่อผ่านไปประมาณ1สัปดาห์ อาการต่างๆ เหล่านี้ก็จะค่อยๆ ทุเลาลง และเหลือเพียงแต่อาการคันและผิวหนังลอก ซึ่งในช่วงเวลานี้แล้ว ขอแนะนำให้ดื่มน้ำมากๆ พร้อมทำความสะอาดแผลต่อเนื่อง และอย่าลืมทามอยส์เจอร์ไรซ์เซอร์บริเวณที่สักเป็นประจำ เมื่อขึ้นสัปดาห์ที่สองอาการต่างๆ ก็จะเริ่มหายไป
10. สัญญาณเตือนรอยสักติดเชื้อ
รอยสักอาจเกิดอาการติดเชื้อได้ภายใน 7 – 14 วันหลังสักสามารถสังเกตอาการได้ดังนี้
- อาการบวมแดง แผลร้อน หรือมีผื่นคันมากกว่าปกติ
- มีของเหลว น้ำเหลือง และหนองไหลออกมาจากรอยสัก
- มีไข้หนาวสั่น
- มีสะเก็ดแผลที่มากกว่าปกติ
- หรือหากใครมีอาการผิดปกติอื่นๆ นอกเหนือจากทั้ง 4 ข้อนี้ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบความผิดปกติต่างๆ ทันที
ก็คงพอจะทราบกันแล้ว่า 10 ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจสักลาย ก่อนสักห้ามกินอะไร มีข้อห้ามอะไรบ้าง แนะนำว่าควรปฎิบัติตามนะเพื่อรอยสักที่สวยงามจะอยู่ติดทนนานไปกับเราทั้งชีวิตและเพื่อความปลอดภัยกับสุขภาพของคุณ
เครดิตรูปภาพ www.pinterest.com
อ่านต่อที่ เกี่ยวกับสัก